ทำความเข้าใจก่อนหัวร้อนเมื่อ WHO รับรองแล้ว การติดเกมส์ ถือเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง
หลังจากที่หลายสื่อได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดจากทาง WHO หรือ องค์การอนามัยโลก ได้ออกมารับรองว่า อาการติดเกมส์ ถือเป็นอาการป่วยรูปแบบหนึ่ง ซึ่งหลายคนก็มีการคอมเม้นต์ในเชิงไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก วันนี้ทางทีมงาน Game-Ded จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกับโรคใหม่ใกล้ตัวชาวเรากับ โรคติดเกมส์ ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่
ชอบเล่นเกมส์ และ ติดเกมส์ สิ่งแรกที่ควรจะทำความเข้าใจคือ 2 ลักษณะของการเล่นเกมส์ สำหรับ การชอบเล่นเกมส์ ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะของเกมเมอร์ทั่วไปมากกว่า 80-90% ของประชากรเกมเมอร์ โดยคนที่มีพฤติกรรมชอบเล่นเกมส์นั้น อาจจะเล่นเกมส์ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ก็ได้ไม่ได้ถือว่าเป็นคนติดเกมส์แต่อย่างใด ส่วน อาการติดเกมส์ เองก็จะใช้เวลากับเกมส์มากเช่นกัน แต่คนเหล่านี้จะมีความหมกมุ่นเกินจนเริ่มควบคุมทั้งความถี่ในการเล่น ความยาวนานในการเล่นไม่ได้ ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมส์มากกว่าโลกจริงจนไม่สามารถรับผิดชอบงาน หรือความรับผิดชอบด้านอื่นๆ ของตัวเอง ถ้าคุณหมกมุ่นกับเกมส์จนเริ่มไม่ทำงาน ไม่การบ้าน เล่นเกมส์จนลืมเวลากินข้าว ไม่อาบน้ำ ไม่หลับ ไม่นอน
โดยทาง WHO ได้มีการประกาศชัดเจนว่าเราต้องไปถึงขั้น ติดเกมส์ จึงจะเป็นอาการป่วย ซึ่งทาง WHO ได้ให้ คำนิยาม อาการติดเกมส์ว่าเป็นรูปแบบพฤติกรรมของคนที่หมกมุ่นกับการเล่นเกมส์มากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมส์มากกว่ากิจกรรมอื่น ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของตนเองหรือกิจวัตรประจำวัน แม้จะเกิดอาการที่เป็นผลเสียกับร่างกาย อย่างอาการหิว อาการเหนื่อยล้า อาการง่วง ก็ยังจะเล่นต่อเนื่องหรือเล่นมากขึ้น
การวินิจฉัย ว่าคุณเป็น โรคติดเกมส์ จะต้องมีพฤติกรรมที่รุนแรงมากพอจนส่งผลให้เกิดความบกพร่องด้านบุคลิกภาพ ครอบครัว สังคม การศึกษา การทำงาน รวมถึงประสิทธิภาพที่สำคัญด้านอื่นๆ และ ต้องปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนอย่างน้อย 12 เดือน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคำนิยาม หรือ การวินิจฉัยโรค ที่มีออกมาในขณะนี้เป็นเพียงแค่แนวทางเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งทาง WHO แม้จะลงมติยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแต่ จะมีผลจริงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 เป็นต้นไป
ในฐานะที่ทางทีมงาน Game-Ded.com เองก็เคยเป็นเพียงเด็กเล่นเกมส์มาก่อน เราได้พบเจอกับเหล่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนเล่นเกมส์ที่มีพฤติกรรมหมกมุ่นจนเข้าสู่ลักษณะของ ผู้ติดเกมส์ จนเสียอนาคต การประกาศการ ติดเกมส์ เป็นโรคของ WHO ไม่ใช่สิ่งที่เกินไป เพียงแต่เราอาจต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการประกาศว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากคนที่อยู่นอกสังคมเกมส์ อาจกลับไปมองว่าเกมส์เป็นสิ่งเลวร้ายอีกครั้ง ซึ่งในสังคมเองก็เพิ่งเริ่มเข้าใจ เริ่มเรียนรู้ว่าเกมส์ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายขนาดนั้น ซึ่งทาง WHO เองก็ควรที่จะต้องมีการศึกษาถึงสาเหตุที่แท้จริงของโรคออกมาให้แน่ชัด เชื่อว่าคนในวงการเกมส์จะเข้าใจดีว่า โรคติดเกมส์ นั้นไม่ได้เกิดจากการเล่นเกมส์เพียงอย่างเดียวแต่มีปัจจัยด้านอื่นมาผสม นั่นจึงทำให้แม้เราจะรักการเล่นเกมส์ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเล่นเกมส์ไปนานๆ แล้วจะต้องกลายเป็น โรคติดเกมส์ เสมอไป สิ่งที่วงการเกมส์ควรจะต้องกังวลกับเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องความเข้าใจของคนนอกวงการที่จะมีต่อ เกมส์ หลังจากนี้
ข่าว เกมออนไลน์ By Game-Ded