เมื่อ Call of Duty ทำ Battle Royale บ้าง จะมันส์แค่ไหน ดูกัน!
กระแสของเกมแนว Battle Royale นั้นปฏิวัติวงการเกมยิงในบ้านเรากันเลยทีเดียว เพราะเกมไหนๆ ก็จะทำให้มีโหมด Battle Royale มาให้เล่นกัน แม้กระทั่งเกมยิงชื่อดังอย่าง Call of Duty ที่ตัวเกมในรอบนี้ได้ตัดโหมดเนื้อเรื่องออกไป แล้วก็ให้เกมมีแต่โหมดมัลติเพลเยอร์เท่านั้น และรวมไปถึงใส่โหมด Battle Royale มาด้วย ตัวเกมจะสนุกคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปเกือบ 2,000 บาท รึเปล่า (ราคาเกมประมาณ 1,979 บาท)
สำหรับตัวโหมด Battle Royale ในเกมนี้นั้นจะชื่อว่า Blackout โดยจะเป็นหนึ่งในสามโหมดของเกม Call of Duty Black Ops 4 ซึ่งตัวเกมนี้จะมีรูปแบบการเล่นแบบเดียวกันกับ Battle Royale ทั่วไปเลย นั่นก็คือ มีให้เล่นอยู่ 3 แบบ คือ เล่นคนเดียว, สองคน และ 4 คน มีเพิ่มโหมดพิเศษมาอีกโหมด นั่นก็คือ เล่นแบบ 2 คน และเล่นกันแบบไวๆ บนแผนที่ที่เล็กกว่าปกติ
ตัวแผนที่ของตัวเกมนี้จะเป็นการเอาแผนที่ของโหมดมิลติเพลเยอร์ของเกมซีรี่ย์ Black Ops เอามารวมกันเป็นแผนที่เดียว โดยมีการเอาแผนที่มาเป็นสถานที่หลักๆ ในเกม (ซึ่งดูแล้วตอนนี้มีอยู่ทั้งหมด 14 แผนที่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเราอาจจะเห็นแผนที่ใหม่ที่จะอัพเดตเข้ามาในโหมดนี้อีก โดยการเอาแผนที่อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ใส่ เอามาใส่นั่นเอง) และคนเล่นจะสามรถเลือกตัวละครที่เป็นตัวละครจากเกมซีรี่ย์ Black Ops ทั้งภาค 1 – 4 รวมไปถึงจากโหมดเนื้อเรื่อง, มัลติเพลเยอร์ และซอมบี้ มาเล่นได้ด้วยครับ
ขนาดแผนที่โดยรวมแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับต้นฉบับตัว P ทำให้เกมนี้เวลาเล่นจะใช้เวลาน้อยกว่านั่นเอง ส่วนตัวเกมนั้นจะเริ่มต้นที่ 80 – 100 คน โดยตัวเกมในช่วง Beta จะบังคับว่าต้องมีคนเล่นถึง 80 คนขั้นตํ่าถึงจะเล่นได้ ซึ่งหากเกมบางเกมคนเล่นน้อยก็ต้องรอกันยาวๆ หรือไม่งั้นก็ต้องออกจากแมตซ์แล้วกดสุ่มหาห้องใหม่ครับ แต่โดยเฉลี่ยมักจะใช้เวลารอราวๆ 5 – 10 นาทีครับ (หากโชคร้ายเข้าไปแล้วเจอคนน้อยน่ะนะ)
ด้วยระบบการเล่นของเกม Call of Duty เป็นเกมเพลย์เร็วอยู่แล้ว จึงทำให้การเล่นเกมในโหมดนี้ทำออกมาได้เร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นการปะทะที่รวดเร็ว การหาของที่รวดเร็ว (สามารถถืออาวุธได้สองอย่าง และหากเจออุปกรณ์แต่งปืนที่ใส่กันได้ เมื่อเก็บแล้วเกมจะใส่ให้เลย) รวมไปถึงการยิงใส่กันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความแตกต่างจากโหมดมัลติเพลเยอร์ปกติกับโหมดนี้ก็คือ โหมดนี้ขนาดแผนที่จะกว้างกว่า ทำให้การหลบ การไล่ยิงอะไรจะง่ายกว่าในการเล่นด่านปกติที่จะมีพื้นที่แคบกว่า
ที่มีการลดสเกลลงสำหรับโหมดนี้นั่นก็คือ ภาพของเกม คือสังเกตได้เลยว่าฉากในโหมดนี้เมื่อเทียบกับมัลติเพลเยอร์นั้นดูดรอปลง ซึ่งเข้าใจว่าทำให้สามารถใส่แผนที่ขนาดใหญ่ไว้ในเกมได้ (ซึ่งฉากต่างๆ ทำออกมาได้ละเอียดด้วย) อีกทั้งเกมยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยเห็นในเกม Call of Duty มาก่อน โดยเฉพาะพื้นที่ขนาดใหญ่แต่ยังคงวิธีกระสุนที่ยิงตรงดิ่งเหมือนเดิมนั่นเอง
สิ่งที่ในโหมดนี้มีลูกเล่นแถมมาให้เพิ่มก็คือระบบพาหนะ ที่จะมีพาหนะมาให้คนเล่นได้ขับ ทั้งรถยนต์, รถวิบาก และเฮลิคอปเตอร์ รวมไปถึงแอร์ดรอปที่จะส่งของลงมาให้เก็บด้วย และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ก็คือ ฟิลลิ่งของการเล่นที่มาพร้อมกับเสียงพากย์ประกาศในเกมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้การเล่นของโหมดนี้สนุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไหนที่ชื่นชอบเกมเพลย์ที่่เล่นรวดเร็วจะชอบโหมดนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากไม่นับเฉพาะฟิลลิ่ง และระบบเกมเพลย์อันรวดเร็วที่มีมาให้แล้ว ตัวโหมดนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเกม Battle Royale แบบเล่นฟรีเลย คือเรียกได้ว่านี่คือโหมดที่ควรแถมติดมาให้สำหรับเกมที่มีเนื้อเรื่อง ซึ่งโดยส่วนตัวคนเขียนแล้ว หากในโหมดนี้ไม่มีการอัพเดตอะไรใหม่ๆ เช่นชุดคอสตูม, ตัวละครใหม่ หรือแผนที่ใหม่ การจะลงเงินเกือบ 2 พันเพื่อเล่นโหมดนี้โหมดเดียวไม่คุ้มครับ แต่ถ้าจะเล่นโหมดอื่น โดยเฉพาะมัลติเพลเยอร์ปกติและซอมบี้ด้วยแล้ว การลงทุนซื้อเกมนี้ และการันตีการอัพเดตยาวๆ แบบฟรีๆ ล่ะก็ ก็ค่อนข้างเป็นอะไรที่คุ้มค่า ซึ่งแล้วแต่การตัดสินใจของคนเล่นครับ
โหมด Black Out ของ Call of Duty Black Ops 4 จะเปิดให้ทดลองเล่นฟรีจนถึงวันอังคารนี้ สำหรับคนไหนที่สนใจ สามารถดาวโหลดตัวเกมมาเทสได้จากใน Battle Net ได้เลยนะครับ โดยสามารถดาวโหลดมาเล่นได้ ที่นี่ครับ