สำหรับตัวเกมนั้นจะนำเสนอการเล่นแบบสไตล์ Far Cry ที่คนเล่นจะมีอิสระในโลกกว้างใหญ่ ที่จะทำภารกิจหลัก ภารกิจรอง หรือจะเดินเล่นสำรวจภูมิประเทศต่างๆ ก็ได้ รูปแบบเกมจะเป็นเหมือนเดิม ไล่ยึดฐานของศัตรู รับเควสต์เพื่อเพิ่มระดับยศตัวเอง และเล่นตามเนื้อเรื่อง ฉากหลังของเกมนี้จะนำเสนอประเทศยาราในภูมิภาคเขตร้อน ดังนั้นฉากหลังจึงรู้สึกเหมือนประเทศไทยที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก ทั้งต้นมะพร้าว ทะเล ป่าโกงกาง ไปจนถึงรถเทรกเตอร์ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเอเชีย แต่ก็ฉากแบบนี้จะทำให้คนเล่นได้อินมากขึ้น
ลูกเล่นใหม่สำหรับในเกมภาคนี้ก็คืออุปกรณ์ที่ติดอยู่ข้างหลัง ที่คนเล่นจะสามารถเลือกใช้แบบไหนก็ได้ตามใจอยาก เช่น ยิงจรวดโจมตี หรือใช้ในการพุ่งลอยเพื่อหลบหลีก (แต่มีเวลาคูลดาวน์นาน) และระบบเด่นก็คือปรับแต่งอาวุธ ที่คนเล่นจะไปตามหาวัสดุต่างๆ แล้วเอามาแต่งปืนตามที่คนเล่นต้องการได้ เกมได้นำเสนอมุมมองการเล่นแบบ First Person แบบที่ผ่านมาแต่จะสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ตัวละครได้ ความแตกต่างจากเกมภาคที่ผ่านมาคือ เราจะเห็นตัวละครเราตอนพูดคุยในฉากคัทซีนด้วย แปลว่าคนเล่นจะสามารถแต่งตัวแล้วก็จะเห็นตัวละครในชุดนั้นๆ แถมอุปกรณ์ที่ใส่จะมีสถานะต่างๆ เล่น ต้านพิษดีขึ้น เป็นต้นอีกด้วย
สิ่งที่ภาคนี้นำเสนอและภูมิใจอย่างมากก็คือ มีการแปลภาษาไทยแบบ 100% ทั้งฉากคุยและรายละเอียดของต่างๆ และสำหรับคนเล่นที่กังวลว่าจะแปลออกมาดีแค่ไหนนั้น บอกได้เลยว่าแปลออกมาได้เหมือนนั่งดูภาพยนตร์ไทยที่มีคำหยาบๆ ออกมาเต็มไปหมด รับประกันความอินในการอ่านซับภาษาไทยได้เลย ข้อเสียของเกมก็ยังคงเป็นสิ่งเดิมๆ ที่เราเห็นกันในเกม Open world ของ Ubisoft เช่น AI ที่ยังดูโง่ๆ แปลกๆ เหมือนเดิม, การแสดงออกโอเวอร์แอ็คติ้งของตัวละครชาวบ้าน (เช่น โวยวายเสียงดังลั่นเพราะหนี… ไก่ที่กำลังไล่จิก) เรียกได้ว่าถึงเกมจะเลื่อนขาย แต่ก็ทำออกมาได้สมกับการรอคอยเลยทีเดียว