สิ่งที่ตัวเกมนี้่แตกต่างจากตัวเกมภาคหลักแบบภาคแรกมากก็คือ เนื่องจากตัวเกมนั้นมีเล่นบนมือถือ ตัวเกมจึงมีระบบสู้ออโต้มาให้ แต่ต้องบอกก่อนว่าเกมเพลย์นั้นแตกต่างจากภาคแรกอย่างมาก ภาคแรกจะมีสตั๊น พุ่งชน อ้อมหลัง สกัดขา โจมตีกลางอากาศ ฯลฯ แล้วแต่เทคนิคในการเล่นของแต่ละคน แต่ในเกมภาคสองนั้น “ไม่มีสิ่งที่ว่ามาโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของเกม” รูปแบบเกมการเล่นจึงเป็นแบบเน้นตีๆ และใช้สกิลอัด ในเกมยังมีปุ่มกระโดดหลบอยู่บ้างแต่ไม่สามารถเดินไปตีไปได้เหมือนเกมภาคแรก ทำให้การเล่นนั้นเปลี่ยนไปจากภาคแรกค่อนข้างมาก แต่ข้อดีก็คือ ใน 1 ตัวละครนั้นจะสามารถสลับอาวุธเพื่อเปลี่ยนคลาสได้โดยไม่ต้องสร้างตัวละครใหม่ โดยจะมีอาวุธให้เล่นตอนนี้ 6 อย่าง คือ ดาบ, ขวาน, สนับมือ, เวท, กระดิ่งเวท และธนู (ปืนกับซัมม่อนเนอร์หาย)
ระบบการเรียนสกิลจะเป็นแบบต้องหาสมุดสกิลของคลาสอาวุธนั้นๆ มาก่อนถึงจะสามารถเรียนสกิลใหม่ได้ (ระบบคล้ายกับลินเนจ) และเมื่อสลับอาวุธก็จะสามารถใช้สกิลของอาวุธนั้นๆ ได้ ทำให้การเล่นจะไม่ถูกจำกัด 1 ตัวละครต่อ 1 สายอาวุธอีกต่อไป แต่ถ้าอยากเล่นแบกของฟูลจริงๆ ก็ต้องทั้งขยันเล่นและต้องใช้ดวงที่ดีในการเปิดกล่องเสียหน่อย สิ่งที่เกมนี้พัฒนาอย่างมากนั่นก็คืองานภาพ โดยภาพในเกมนี้ทำออกมาสวยกว่าภาคแรกอย่างมาก (จะเห็นได้ชัดมากจากใน PC) และฉากคัทซีนกับเกมเพลย์นั้นจะเชื่อมต่อกันได้แบบ 100% อย่างแนบเนียน นอกจากนี้ตัวเกมยังเสนอความเป็น Openworld ที่สามารถวาร์ปไปยังฉากต่างๆ ได้แบบไร้รอยต่อ โดยจะมีทั้งวาร์ปแบบปกติและกดวาร์ปเลยเหมือนเกม MMORPG บนมือถือทั่วไป ที่ไปไกลๆ ก็จะเสียเงิน
อีกระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือระบบสัตว์เลี้ยง ที่คนเล่นจะมีสัตว์เลี้ยงลอยอยู่ข้างๆ ซึ่งพวกเขาจะช่วยคนเล่นโจมตีด้วย และจะสามารถหาได้ทั้งในเกมและกาชา โดยกาชานั้นจะมีตัวละครสัตว์เลี้ยงจากเกมภาคแรกปรากฎตัวออกมาให้เล่นกันอีกด้วย และยังมีระบบการอัพสเตตัสต่างๆ ปลีกย่อยและชุดแต่งกายที่ให้คนเล่นได้สวมใส่อีกเยอะด้วย ถ้าจะให้พูดรวมๆ ตัวเกมในภาคสองถูกออกแบบมาให้เล่นได้ง่ายมากขึ้น ฉากเล็กลงจนวิ่งแปบเดียวก็ถึง มีออโต้ให้สู้เองได้สบายๆ โดยไม่ต้องเล่น มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ แต่อาจจะน่าติดตามไม่เท่ากับภาคแรก และรวมไปถึงภาพในเกมที่ทำออกมาสวยโหดและเรียบเนียนขึ้น แต่ถ้าคนไหนต้องการอรรถรสในการเล่นฉากสู้เหมือนเกมภาคแรก อาจจะไม่ได้อารมณ์แบบนั้นแน่นอน
