DSO เรียนรู้ระบบ PVP & PK ก่อนบู๊จริง!!

มาถึงก็ต้องขอบอกกันก่อนเลยว่า อย่าลืมกันนะครับ วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ เกม DSO เปิด Open Beta กันแล้ว เอาละวันนี้ เนื้อหาที่จะนำเสนอคือ ระบบ PVP และ PK รับรองว่าเป็นระบบที่มันส์สะใจ…

ระบบ PVP

ระบบ PVP ของเกม DSO ในตอนนี้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ (ขอเรียกว่าการประลองนะครับจะได้เข้ากับบรรยากาศของเกม) คือ 1. การประลองแบบตัวต่อตัว, 2.การประลองแบบทีม 3-3 และ 3.การประลองชิงธงแบบทีม 5-5 ขอลงรายละเอียดแยกย่อยตามแต่ละรูปแบบเลยนะครับ

วิธีการลงทะเบียนประลอง

กดที่ไอคอน “ลงทะเบียน PVP” หรือ กดปุ่ม J หน้าต่างลงทะเบียนจะปรากฏออกมา ในกรอบหมายเลข 1 คือ ประเภทการประลองที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ เมื่อคลิกเลือกประเภทแล้ว หากเป็นการประลองแบบตัวต่อตัว ให้กดยืนยันเข้าร่วมที่ปุ่มหมายเลข 2 แต่ถ้าเป็นการประลองแบบทีม ปุ่มหมายเลข 3 จะปรากฏขึ้นมาให้กดยืนยัน

1. การประลองแบบตัวต่อตัว : รางวัลคือ แต้มเกียรติยศ 400 แต้ม, จำกัดเวลา 1 นาทีต่อรอบ

เป้าหมายหลัก คือ จัดการฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีไหนก็ได้ เพื่อให้ตนเองมีคะแนนมากกว่า  การฆ่าเป้าหมาย 1 ครั้งจะได้รับ 1 คะแนน เมื่อหมดเวลาการแข่งขันผู้ที่ชนะการประลองจะได้รับแต้มเกียรติยศ ซึ่งยิ่งตายน้อยเท่าไหร่ก็จะได้แต้มเกียรติยศมากเท่านั้น สภาพภายในสนามประลองแบบตัวต่อตัวนี้ มีขนาดไม่กว้างมาก และมีสิ่งกีดขวางอยู่บ้างเล็กน้อย  พอให้อาชีพโจมตีระยะไกลวิ่งหลบมุมได้

2. การประลองแบบทีม 3-3 รางวัลคือ แต้มเกียรติยศ 2,000 แต้ม, จำกัดเวลา 7 นาทีต่อรอบ

การประลองแบบทีม 3-3 นี้ จะแยกทีมผู้เล่นออกเป็น สีแดง กับ สีน้ำเงิน สังเกตกันได้ที่สีของชื่อตัวละคร สิ่งสำคัญคือต้องใช้เทคนิคการเล่นแบบทีมเวิร์ค เพราะการตาย 1 ครั้งของสมาชิกในทีม นั่นหมายถึงคะแนนที่เสียไป 1 คะแนน เมื่อหมดเวลาทีมใดทำคะแนนได้มากที่สุดเป็นฝ่ายชนะ สภาพภายในสนามประลองจะมีขนาดกว้างพอสมควร และมีสิ่งกีดขวางทั้งรถเกวียน กล่องไม้ เสาไม้ บ่อน้ำ อยู่ทั่วสนามประลอง อาชีพโจมตีระยะไกล มีจุดสุ่มยิง จุดพักหายใจอยู่หลายจุด

3. การประลองชิงธงแบบทีม 5-5 รางวัลคือ แต้มเกียรติยศ 4,000 แต้ม, จำกัดเวลา 15 นาทีต่อรอบ

การประลองชิงธงนี้ จะแตกต่างกว่าการประลองอื่นๆ ที่เน้นฆ่าฝ่ายตรงข้าม เพราะเป้าหมายหลักของการประลองแบบนี้ก็คือ ชิงธงฝ่ายตรงข้ามมาให้จงได้ (ก็ตามชื่อนั้นแหละ) ระบบจะทำการแยกผู้เข้าประลองเป็น 2 ทีม คือ สีแดง กับ สีน้ำเงิน

สภาพภายในสนามประลองจะกว้างมาก แบ่งเป็นเขตแดนของแต่ละฝ่าย (สังเกตได้จากสีบนพื้นว่าเป็นเขตของฝ่ายใด) แถมยังมีทางเดินเชื่อมต่อมายังจุดที่ธงปักอยู่อีกด้วย ดังนั้นรูปแบบการเล่นนอกจากจะอาศัยเทคนิคการเล่นแล้ว ยังต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เพราะต้องมีการแบ่งกำลังพล ทั้งคนที่คอยเฝ้าธงของฝั่งตนเอง และคนที่คอยไปชิงธงจากฝ่ายตรงข้าม

ขั้นตอนการชิงธงนั้นง่ายๆ เพียงบุกไปถึงจุดที่ธงปักอยู่ แล้วคลิกที่ธง ตัวละครก็จะทำการขโมยธงติดตัวมาทันที แต่ตัวละครที่แบกธงอยู่ความเร็วในการเคลื่อนที่จะลดลง อีกทั้งตัวละครที่แบกธงอยู่ หากถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตียังมีสิทธิ์ทำให้ธงตกลงพื้นได้อีกด้วย ต้องรีบเก็บขึ้นมาใหม่ ไม่เช่นนั้นหากฝ่ายตรงข้ามมาคลิกที่ธง ธงมันจะวาร์ปกลับไปยังจุดปักธงทันที แต่หากนำธงฝ่าดงศัตรูไปยังฐานปักธงของฝ่ายตนเองได้ก็จะได้รับ 1 คะแนน (ง่ายไหมล่ะครับ >_<”) เมื่อหมดเวลาทีมที่ทำคะแนนได้มากที่สุดเป็นฝ่ายชนะ

หมายเหตุ : แต้มเกียรติยศที่ได้จากการประลองแต่ละแบบนั้น ระบบจะทำการแจกจ่ายให้กับผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมการประลองมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนการเสียชีวิตในการประลอง แต่ทีมที่ชนะจะได้รับแต้มเกียรติยศมากกว่าทีมที่แพ้

แต้มเกียรติยศใช้ทำอะไรได้บ้าง??

แต้มเกียรติยศที่ได้จากการประลองนั้น สามารถนำไปแลกซื้อแรร์ไอเทมประเภทอาวุธ ชุดป้องกัน และเครื่องประดับ จาก NPC แบตเทิลมาสเตอร์ โรเบิร์ต แรมเพจ ที่อยู่ในเมืองคิงส์ฮิลได้ โดยไอเทมที่สามารถแลกได้นั้น จะมีตั้งแต่สีเขียว, สีน้ำเงิน, สีม่วง และสีส้ม ไอเทมที่ทำการแลกมาระบบจะทำการสุ่มคุณสมบัติให้อีกด้วย (สวดภาวนาก่อนกดแลกด้วยนะครับ^^)

สกิลหากินแนะนำให้ใช้ในการประลอง

อัศวินมังกร : เป็นสายโจมตีระยะประชิด ที่ดูจะได้เปรียบเป็นอย่างมากเวลาลงประลองแบบตัวต่อตัว เพราะสนามประลองไม่กว้างมากทำให้สกิลต่างๆ ที่อัศวินมังกรมีใช้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อเหยียบย่างเข้าสู่การต่อสู้แบบทีม ที่สนามประลองมีพื้นที่กว้างขึ้น อัศวินมังกรก็จะเริ่มมีปัญหาเรื่องระยะการโจมตีขึ้นมาทันที แต่อย่าเพิ่ง “เซ็ง” เพราะมีทางแก้หากเรียนรู้และจัดเตรียมสกิลที่เหมาะสมให้ดีๆ ดังต่อไปนี้

สกิล  Rage Jump : สกิลนี้จะเป็นการกระโดดเข้าสับศัตรู เป็นสกิลที่สามารถนำมาดัดแปลงใช้ได้หลายแบบ เช่น ใช้เพื่อหลบการโจมตีของศัตรู หรือ ใช้พุ่งเข้าหาศัตรูจากระยะไกล แต่ขอบอกก่อนว่า ระยะการกระโดดของสกิลนี้อยู่ที่ประมาณ 5 ช่องเท่านั้น

สกิล  Stun Charge : สกิลนี้ถือว่าสำคัญสุดๆ ของอัศวินมังกร เพราะเป็นการพุ่งตัวเข้าไปหาศัตรู พร้อมทำให้ติดสถานะ “มึนงง” ได้ด้วย ช่วยย่นระยะทางการเข้าประชิดตัวได้ดี เพียงแต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ระยะการพุ่งเข้าใส่จะอยู่ที่ประมาณ 5 ช่องเท่านั้น

สกิล Ground Breaker : สกิลนี้เองก็เป็นสกิลที่เข้ามาเสริมในเรื่องระยะการโจมตี เพราะสามารถโจมตีด้วยคลื่นพลังได้ยาวถึง 5 ช่อง แถมยังทำให้ศัตรูติดสถานะ “มึนงง” ได้อีกด้วย

หากเล่นอาชีพอัศวินมังกร แล้วจะเอาดีแบบจริงจังในการประลอง PVP แนะนำว่าควรมีการซื้อไอเทมกดใช้อย่าง “Rage Elixir” ติดตัวไว้ด้วย เพราะอาชีพอัศวินมังกรมีเงื่อนไขสำคัญในการจะใช้สกิลโจมตีคือ ค่า RP ที่จะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อโจมตีศัตรู (อันนี้อาจวิ่งไล่จับเหนื่อยหน่อย) หรือ ถูกศัตรูโจมตี (อันนี้อาจตายก่อนได้ใช้สกิล)

อาชีพนักเวทย์ เป็นอาชีพที่ดูจะโดดเด่นในเรื่องการ PVP แต่อยากจะบอกว่าจะเก่ง PVP จริงต้องอาศัยเทคนิคการเล่นมากกว่าอาชีพอื่นๆ มาก เพราะนักเวทย์เสียเปรียบเป็นอย่างมากในการประลองแบบตัวต่อตัว โดยเฉพาะถ้าเจอเข้ากับอัศวินมังกร โดนสับไส้แตกแน่นอน ก่อนอื่นเรามาดูข้อจำกัดของนักเวทย์กันก่อน…

1. นักเวทย์จะมี MP เพียงแค่ 100 หน่วย ไม่ว่าจะเลเวลสูงแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือ การจัดสรรการใช้ MP ให้เหมาะสม ควรคิดวางแผนเรื่องสกิลที่จะใช้ให้ดี อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสกิลดีๆ แล้วจะพบว่าบางสกิลสามารถกดใช้ได้โดย “ไม่ต้องใช้ MP” เช่นสกิล Ice Missile กับ สกิล Frost Wind

ตัวอย่างสกิล Destruction    

2. สกิลที่มีพลังทำลายรุนแรง ควรใช้ตอนที่ศัตรูไม่ทันระวังตัวเท่านั้น เช่น ตอนที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่ เหตุผลก็เพราะ สกิลที่มีพลังทำลายสูงๆ ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาในการร่ายนาน, ดีเลย์เยอะ ศัตรูมีโอกาสหลบจากระยะโจมตีได้ง่าย สิ่งสำคัญสุดๆ คือ เปลือง MP อย่างยิ่งยวด ตัวอย่างสกิลเช่น สกิล Meteor, สกิล Lightning Strike กับสกิล Destruction
สกิลของนักเวทย์ที่แนะนำให้ลองใช้ในการ PVP คือ สกิล Ice Missile ยิงพลังน้ำเยือกแข็งใส่ศัตรู ใช้ MP 3 หน่วย มีผลทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูลดลง

สกิล Teleport ใช้สำหรับหนีจากศัตรูที่เข้ามาประชิดตัว แต่มีดีเลย์ 10 วินาที ดังนั้นหากจวนตัวจริงๆ ควรใช้สลับกับสกิล Frost Nova แช่แข็งศัตรูที่เข้ามาใกล้ แล้วหลบฉากไปตั้งหลักก่อน
สกิล Chain of Lightning เป็นสกิลโจมตีแบบกลุ่มที่ใช้ MP เพียง 19 หน่วยเท่านั้น และยิ่งยิงซ้ำๆ จะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายแบบทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

คงมีหลายคนถามว่า “แล้วนักเวทย์เวลา PVP ควรพกยาเพิ่ม MP ไหม?” บอกได้เลยว่าไม่ต้องพกก็ได้ หากจัดสรรการใช้ MP ดีๆ แต่หากคุณอยากเน้นซะใจใช้สกิลสุดยอดอย่างสกิล Meteor บ่อยๆ ก็อาจจะต้องพก เพราะ MP ฟื้นคืนมาไม่ทันแน่นอน

เรนเจอร์ : เป็นอาชีพที่โดดเด่นในเรื่องของการ PVP ที่สุด เมื่อพิจารณาจากสกิลต่างๆ ที่มีส่วนใหญ่จะไม่ต้องใช้ค่า Concentration  เพียงแต่ต้องจัดสรรการใช้สกิลให้ดี เพราะยังมีข้อจำกัดในเรื่องของดีเลย์สกิลที่นานสุดๆ ก็ 30 วินาทีเลยทีเดียว สิ่งที่ควรศึกษาเกี่ยวกับการ PVP ของอาชีพเรนเจอร์ก็คือ…

1. คอมโบสกิล มีสกิลที่สามารถใช่ต่อเนื่องกันแล้ว ทำให้เกิดความเสียหายแบบทวีคูณได้ เช่นสกิล Hunting Arrow ที่ยิงศัตรูแล้วเกิดผลลดความเร็วในดารเคลื่อนที่ลง หากยิงซ้ำด้วยสกิล Precision Shot จะทำให้เกิดความเสียหายถึง 125% เลยทีเดียว

2. ฝึกกระโดดหลบด้วยสกิล Dive ให้คล่องแคล่ว พร้อมทั้งวางแผนการใช้สกิลต่อเนื่องหลังจากกระโดดแล้วไว้ด้วย เช่น  กระโดดแล้วสวนกลับด้วยสกิล Scatter Shot ยิงแบบวงกว้างหวังผลไม่ให้ศัตรูหลบได้  หรือ กระโดดแล้วตามด้วยสกิล Hunting Traps วางกับดักใส่ศัตรูที่วิ่งตามมา เป็นต้น

ซัดด้วยสกิล Blade Dance

3. ระยะใกล้ไม่ต้องกลัว เพราะเรนเจอร์มีสกิล Death Swing กับ สกิล Deadly Blow ที่ใช้โจมตีระยะใกล้ แถมทั้ง 2 สกิลไม่มีดีเลย์ และไม่เสียค่า Concentration อีกด้วย เรียกได้ว่ากดใช้กันได้รัวๆ แต่หากโดนรุมควรใช้สกิล Blade Dance แหวกวงล้อมหนีออกมาตั้งหลักก่อนได้

ย้ำเลยว่าเล่นอาชีพเรนเจอร์ต้องบริหารค่า Concentration ให้ดีๆ เพราะเป็นอาชีพเดียวที่ไม่มียาเพิ่มค่า  Concentration ให้ซื้อมากดใช้กัน หากใช้หมดก็ต้องวิ่งหนีไปตั้งหลักรอจนกว่าจะ Concentration จะฟื้นคืนกลับมา^^

Talent ส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมความโหด

สำหรับ Talent เป็นสกิลเสริมที่จะช่วยให้ตัวละครของคุณมีความโหดแบบสุดๆ เพราะมันจะมาช่วยส่งเสริมทำให้สกิลหลักของตัวละครมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพียงแต่ตัวคุณเองต้องศึกษาเรียนรู้ว่าสกิลหลักสกิลไหนที่คุณควรจะเน้นให้มีประสิทธิภาพ

เอาละ…ย้อนมาดูกันก่อนว่าจะอัพ Talent ต้องทำอย่างไรกันบ้าง หากกดปุ่ม N จะเป็นการเปิดหน้าต่าง Talent ขึ้นมา การจะปลดล็อค Talent ในแต่ละขั้นได้จำเป็นต้องใช้ค่า Skill Point ซึ่งค่า Skill Point จะได้มาก็ต่อเมื่อตัวละครเลเวลอัพ (1 Level = 1 Skill Point) ในการปลดล็อค Talent ต้องใช้ 5 Skill Point จึงจะสามารถปลดล็อคได้ 1 ขั้น และในแต่ละขั้น คุณสามารถเลือก Talent ได้เพียง 1 อันเท่านั้น ควรอ่านและทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อนที่จะกดเลือกนะครับ หากแม้ไม่พอใจใน Talent ที่เลือกไปแล้วทั้งหมด คุณมีสิทธิ์จะกดปุ่ม รีเซ็ต Talent ได้ 1 ครั้ง ย้ำนะครับว่ารีเซ็ต Talent  ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

เอาละครับข้อมูลการ PVP ที่อ่านไปทั้งหมดเป็นแค่การแนะนำเบื้องต้นในเกม DSO ที่ทุกท่านสามารถนำเอาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเองได้ สิ่งสำคัญของการจะเป็นสุดยอดนักสู้ก็คือ การฝึกฝนใช้สกิลต่างๆ ให้ชำนาญนั้นเอง และขอย้ำว่าอย่าลืมมาร่วมกันผจญภัยไปในดินแดนแห่งสัตว์ร้าย เริ่ม Open Beta พร้อมกัน 25 กรกฎาคมนี้ ที่ www.dso.in.th นะครับ By Zeds

ข่าว เกมส์ออนไลน์ By Game-Ded

Comment