ระบบการเล่นของเกมนี้จะเป็นเกม AFK ที่ตัวละครจะมีการต่อสู้อัตโนมัติไปเรื่อยๆ เพื่อฟาร์มทรัพยากรได้แม้ว่าคนเล่นจะกดปิดเกมไปก็ตาม แล้วก็เอาทรัพยากรที่ได้มา เอามาอัพเกรดตัวละคร สวมใส่อุปกรณ์ และเอาเศษตัวละครที่ได้ซ้ำเอามาอัพระดับตัวละคร ซึ่งทั้งสามบรรทัดนี้คือสรุประบบเกมทั้งหมดของเกมนี้ ซึ่งอ่านแค่นี้ก็คงจะเดาภาพรวมของเกมออกแล้วว่าตัวเกมจะเล่นยังไงบ้าง แต่จริงๆ นั่นไม่ใช่ระบบทั้งหมดของเกม เพราะว่าไฮไลท์เด็ดของเกมไม่ใช่ที่ระบบ AFK แต่เป็น “งานอาร์ต” ที่เกมจะนำเสนอภาพงานสไตล์อาร์ตตลอดทั้งเกมรวมทั้งฉากต่อสู้ ความน่าสนใจคือในระหว่างฉากต่อสู้ จะมีการนำเสนอภาพอาร์ตที่แตกต่างกันระหว่างด่านปกติและด่านบอส ซึ่งด่านบอสจะนำเสนอภาพที่สื่อถึงอารมณ์และเรื่องราวของตัวละครนั้นๆ อีกด้วย
ด้วยงานอาร์ตที่เป็นจุดเด่นของเกมนั้นจึงทำให้ในการดูตัวละครเล่นแต่ละด่านคนเล่นจะได้เห็นฉากภาพวาดต่างๆ ซึ่งดูได้เพลิดเพลินและราวกับตนเองกำลังนั่งดูภาพงานศิลป์ที่จัดแสดงก็ว่าได้ แต่ถ้าคนเล่นเข้าใจเนื้อเรื่องของเกมก็จะมองภาพที่เกมนำเสนอได้อินยิ่งขึ้น เพราะภาพกับเนื้อเรื่องของเกมจะสื่อถึงกันและถ้าคนเล่นอินก็จะอินกับบรรยากาศ แต่ถ้าไม่อินก็จะไม่อินเลย ตัวละครในเกมนี้ก็จะนำเสนอความอาร์ตผสมผสานกับการเคลื่อนไหวแบบ Live 2D ทุกตัวละคร ทำให้มีความเป็นงานอนิเมะผสมผสานกับงานอาร์ต และยิ่งได้นักพากย์ชื่อดังมาพากย์เสียงด้วยแล้วยิ่งทำให้เกมนี้จะเป็นที่ถูกใจของคนรักเนื้อเรื่องและนักพากย์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกตัวละครเกมนี้จะมีเสียงเพลงร้องเป็นของตัวเองแบบ Full Song ทั้งเสียงภาษาญี่ปุ่นและเสียงอังกฤษ
โดยเพลงประกอบที่นำมาให้ฟังในเกมนั้นจะมีมากถึง 45 เพลง (45 ตัวละคร) หากรวมเสียงอีกภาษาด้วยแล้วก็จะมีเพลงทั้งหมด 90 เพลงเลยทีเดียว แล้วเพลงประกอบของเกมนี้คือทำออกมาได้ดีมากจริงๆ บอกได้เลยว่าคนไหนที่รักเสียงเพลงจะต้องชอบเกมนี้แน่นอน แต่แน่นอนว่าคนไหนเฉยๆ ทั้งภาพ ทั้งเพลง ทั้งเนื้อเรื่อง หรืออยากได้เกมเพลย์ที่มีความแตกต่างมากกว่านี้ เกมนี้ก็จะไม่เหมาะกับสไตล์แบบนั้นเลย