ข้อมูลเกม MU Origin 2 รีวิวโหมดการเล่นแบบ PVP และ PVP + PVE

วันนี้มารีวิวโหมดการเล่นในเกม MU Origin 2 ซึ่งเป็นเกมแนว mobile MMORPG ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในระบบปฏิบัตการ Android และ iOS โดยในบทความนี้จะขอแบ่งโหมดของเกมเป็น 2 โหมด ได้แก่ โหมด PVP ล้วนๆ และ PVP + PvE

โหมดการเล่น PVP ใน MU Origin 2

ในเกม MU Origin 2 นั้นได้แบ่งโหมดการเล่นแบบ PVP เป็นโหมดย่อยๆอีกหลายโหมด (ดูจากภาพด้านล่าง) ผู้เล่นมีอิสระในการเลือกเล่นหรือเปลี่ยนโหมดได้ด้วยตัวเอง เป้าหมายของแต่ละโหมด ไม่ใช่เพียงการฆ่าคู่ต่อสู้ แต่การวางแผนและกติกาการเล่นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษาไว้ด้วย

โหมด Lost Tower เป็นโหมดที่เล่นได้ free-for-all โดยจะมี glyphs (คล้ายๆกับรูน) ให้ผู้เล่นนำมาใส่เพื่อเพิ่มพลัง ในส่วนของการผ่านด่าน ผู้ที่ฆ่า Key Holder ได้สำเร็จเท่านั้นที่จะได้รับกุญแจและผ่านไปยังเลเวลต่อไป
โหมด Red Fortress เป็นโหมดการเล่น PVP ขั้นสูง ปลดล็อคสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวล 280 ขึ้นไปเท่านั้น เป้าหมายคือการยืนหยัดอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายของเกม หากทำสำเร็จจะได้รับ title พิเศษเป็นรางวัล
โหมด Arena เป็นโหมดการต่อสู้ PVP แบบ 1 VS 1 ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนน่าจะรู้จักดี มีการเก็บอันดับของผู้ชนะ รวมถึงรางวัลต่างๆที่จะได้รับทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ของเกม ดังนั้นหากคุณมีเวลาก็ควรไปใช้โอกาสต่อสู้ในโหมดนี้ 10 ครั้งต่อวันเพื่อรับไอเทมตอบแทนแบบฟรีๆ

โหมดการเล่น PVP + PVE ใน MU Origin 2

โหมด Ironblood Path เป็นการต่อสู้แบบ 5 VS 5 ใน map ที่มี 1 เลน แต่ละทีมเกิดคนละฝั่งของเลน เป้าหมายคือการทำลายฐานของบอสที่อยู่ตรงกลางแผนที่ ในขณะเดียวกันคุณต้องจัดการคู่ต่อสู้ทีมตรงข้าม เพื่อเอาคะแนน Fame point มาอัพเกรด Sigil เพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้ทีมตัวเอง โดยทั่วไป ในทีมควรมีผู้เล่น 1 คนคอยเบี่ยงเบนความสนใจของทีมตรงข้าม เพื่อให้สมาชิกที่เหลือรวมพลังจัดการบอสให้สำเร็จโดยเร็ว

โหมด Lost City เป็นโหมด PVP + PVE สำหรับกิลด์ กติกาการเล่นคือช่วยกันจัดการกับมอนสเตอร์และตัวบอสในชั้นต่างๆ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในกิลด์เดียวกันกับเรา การผ่านแต่ละชั้นจะได้รับไอเทมเป็นรางวัล